เกร็ดความรู้

21 กรกฎาคม 2564

เหตุผลที่ควรรู้ หน้าฝนทำไมยังต้องล้างรถ

เหตุผลที่ควรรู้ หน้าฝนทำไมยังต้องล้างรถ


ช่วงหน้าฝนที่มีฝนตกบ่อยเกือบทุกวันแบบนี้ คนมีรถส่วนใหญ่มักจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องล้างรถก็ได้ เพราะฝนก็ช่วยชะล้างคราบสกปรกออกไปแล้ว บ้างก็คิดว่าล้างรถไปก็เท่านั้น พอฝนตกรถก็เปียกอยู่ดี เสียเงินล้างรถเปล่า ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ยิ่งฝนตกบ่อย ยิ่งต้องดูแลรถและล้างรถให้บ่อยกว่าเดิม และนี่คือเหตุผลที่ โตโยต้า ลีสซิ่ง นำมาบอกกันว่าทำไมยังต้องล้างรถคันโปรดของคุณในช่วงหน้าฝนแบบนี้


เกิดคราบฝังแน่น
หน้าฝนเสี่ยงต่อการเกิดคราบฝังแน่น เพราะเมื่อรถแห้งไปแล้วจะเกิดคราบน้ำที่ผิวรถ หากเป็นรถที่จอดกลางแจ้ง หลังจากฝนตกแดดออกคราบน้ำฝนที่แห้งติดอยู่บนผิวรถจะส่งผลให้ทำความสะอาดได้ยากยิ่งขึ้น จึงควรล้างรถอย่างสม่ำเสมอโดยเฉลี่ยทุก 7-10 วัน


เสี่ยงต่อการเกิดสนิม
ไม่ว่าจะจอดรถตากฝน ขับรถฝ่าฝน หรือลุยน้ำท่วม ทำให้มีความชื้นมากกว่าปกติ จึงทำให้รถมีโอกาสเกิดความชื้นสะสมจนทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ เป็นสนิมได้ การดูแลรถด้วยการล้างและเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังจากโดนฝนมาแล้ว จึงช่วยรักษาสภาพรถคันโปรดของคุณให้ใหม่อยู่เสมอได้


ผิวรถเสียเพราะเศษใบไม้ 
หากจอดรถอยู่ใต้ต้นไม้ ก็อาจจะทำให้เศษใบไม้ร่วงหรือปลิวมาเกาะติดอยู่บนหลังคารถได้ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จะทิ้งรอยคราบแห้งกรังเอาไว้ได้ ทำให้ผิวรถเสียโดยใช่เหตุ และทำความสะอาดได้ยากด้วย จึงไม่ควรปล่อยให้เศษใบไม้ให้แห้งติดรถ หากไม่มีเวลาล้างจริง ๆ ก็ให้รีบหยิบเศษใบไม้ออกจากตัวรถเสียก่อนหลังจากฝนหยุดตก เพื่อจะได้ทำความสะอาดรถได้ง่ายขึ้น


น้ำฝนมีฤทธิ์เป็นกรด 
ปกติน้ำฝนมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ อยู่แล้ว แต่ด้วยมลพิษทางอากาศในปัจจุบัน จึงส่งผลให้ฝนมีค่า pH ต่ำกว่าเดิม โดยเฉพาะในย่านที่เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง จะยิ่งส่งผลให้ฝนที่ตกลงมากลายสภาพเป็นฝนกรด (Acid Rain) ได้ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะกัดกร่อนสีรถ ทำให้รถดูหมอง และสีรถเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งานจริง


คำตอบทั้งหมดนี้น่าจะช่วยไขข้อสงสัยให้กับคนรักรถได้แล้วว่าทำไมช่วงหน้าฝนจึงควรให้ความสำคัญเรื่องการดูแลรถมากเป็นพิเศษ โดยควรหมั่นล้างรถเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้รถคันโปรดคงสภาพใหม่น่าใช้งานอยู่เสมอ

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ