เกร็ดความรู้

13 เมษายน 2565

พ่วงแบตรถยนต์ให้ปลอดภัย ต้องทำอย่างไร?

พ่วงแบตรถยนต์ให้ปลอดภัย ต้องทำอย่างไร?


แบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นตัวกลางจ่ายไฟให้กับส่วนต่าง ๆ ของรถ แต่อาจมีบางครั้งที่เจ้าของรถเผลอเปิดไฟในรถทิ้งไว้ รู้ตัวอีกทีแบตเตอรี่รถยนต์ก็หมดกลางคันจนทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์เช่นนื้คือการพ่วงแบตรถนั่นเอง แต่จะทำอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งคนและรถ วันนี้เกร็ดความรู้จากโตโยต้า ลีสซิ่ง มีวิธีการพ่วงแบตที่ถูกต้องมาแนะนำกัน ดังนี้ 


1. เตรียมสายจั๊มแบตเตอรี่
ขั้นตอนแรกของการพ่วงแบตรถก็คือการเตรียมสายจั๊มแบต ซึ่งสายนี้จะมีสองเส้น สีแดงคือประจุขั้วบวก ส่วนสีดำ (หรือสีเขียว) คือประจุขั้วลบ ซึ่งสายพ่วงแบตนี้เป็นอุปกรณ์ยามฉุกเฉินที่รถทุกคันควรมีติดเอาไว้ ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อความยาวให้เพียงพอสำหรับการพ่วงแบตจากรถคันอื่นด้วย


2. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถทั้งสองคันให้หมด
เมื่อเตรียมสายพ่วงแบตและรถที่จะมาพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ให้ก็จอดหันหน้าเข้าหารถที่แบตหมดพร้อมเว้นระยะห่างเล็กน้อยแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถทั้งสองคันให้หมด เช่น ไฟส่องสว่าง แอร์ วิทยุ เครื่องเสียง ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันรถเกิดประกายไฟหรือการระเบิด


3. ต่อสายพ่วงแบตเตอรี่
เริ่มทำการพ่วงแบตรถด้วยการต่อสายพ่วงแบตระหว่างรถทั้งสองคัน โดยให้นำสายพ่วงสีแดงต่อเข้ากับขั้วบวกของรถคันที่แบตหมด จากนั้นนำปลายสายสีแดงอีกด้านต่อกับขั้วบวกของรถคันที่มาช่วย ส่วนสายสีดำให้พ่วงเข้ากับแบตเตอรี่ขั้วลบของรถคันที่มาช่วย และปลายสายอีกด้านที่เหลือให้หนีบโลหะในเครื่องยนต์ เมื่อต่อสายทั้งหมดได้แล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที


4. สตาร์ทเครื่องเพื่อชาร์จแบต
หลังเตรียมความพร้อมทั้งหมดแล้ว เริ่มพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยการสตาร์ทเครื่องรถคันที่มาช่วยทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นเร่งเครื่องเล็กน้อยเป็นช่วง ๆ ให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า ตามด้วยการสตาร์ตเครื่องรถคันที่แบตหมดและเร่งเครื่องเบา ๆ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที


5. ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่
การถอดสายพ่วงแบตรถก็ต้องทำตามขั้นตอน คือเริ่มจากขั้วลบของรถคันที่แบตหมดก่อน จากนั้นจึงถอดขั้วลบของรถคันที่มาช่วย ตามด้วยขั้วบวกของคันที่มาช่วยและปิดท้ายด้วยขั้วบวกของคันที่แบตหมด
การพ่วงแบตรถนั้นไม่ยาก แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังและพ่วงสายแบตเตอรี่รถยนต์ให้ถูกต้องตามลำดับขั้นตอน ที่สำคัญต้องระวังไม่ให้สายจั๊มแบตต่างขั้วมาสัมผัสกันเพื่อความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน เพียงเท่านี้ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่แบตหมดให้กลับมามีประจุไฟฟ้าและใช้งานได้อีกครั้งแบบปลอดภัย เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเมื่อไรก็สามารถพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ได้ด้วยตัวเองแน่นอน


อย่างไรก็ตาม หากรถเกิดแบตหมดกลางทางขึ้นมาและไม่มีรถที่สัญจรไปมาคอยช่วยเหลือ การทำประกันภัยชั้น 1 อย่างครบวงจร* จะช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์อุ่นใจได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เพราะมักจะมีบริการพิเศษให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ อย่างทันท่วงที โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่ https://toyotainsurancebroker.com/index.php 


หมายเหตุ - *รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด บริษัท โตโยต้า อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัยในเครือโตโยต้า ลีสซิ่ง 


อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/news/knowledge


 

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ