เกร็ดความรู้

15 มีนาคม 2565

ขับรถตกหลุม ส่งผลต่อช่วงล่างอย่างไรบ้าง

ขับรถตกหลุม ส่งผลต่อช่วงล่างอย่างไรบ้าง


ในการขับรถสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการเจอกับเส้นทางวิบาก ขับยาก ทางลาดชัน ไปจนถึงทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อจนทำให้ใครหลายคนขับรถตกหลุมกันจนเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ แล้วการขับรถตกหลุมบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดีเพราะส่งผลต่อช่วงล่างรถ จนอาจทำให้ให้อุปกรณ์หรือระบบบางอย่างเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ พัง ชำรุดเสียหายแบบที่คนขับไม่รู้ตัว


เพราะฉะนั้นหากใครเลี่ยงเส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อไม่ได้จริง ๆ หรืออาจขับรถตกหลุมแบบไม่ตั้งใจ ต้องรู้ไว้ก่อนว่าพฤติกรรมขับขี่ดังกล่าวจะส่งผลต่อช่วงล่างรถอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเกร็ดความรู้จากโตโยต้า ลีสซิ่ง มีข้อมูลมาฝากกัน ดังนี้ 
1. ทำให้ยางรั่ว ล้อบิดคดผิดรูป
การขับรถตกหลุมอาจทำให้ยางแตก รั่ว ไปจนถึงล้อแม็กบิด คด งอ ผิดรูป แม้จะนำไปซ่อมภายหลังได้ แต่หากล้อยางบิดคดหรือยางแตกระหว่างขับขี่ก็อาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้
2. ทำให้ผิวยางบวม
การขับรถตกหลุมบ่อย ๆ ทำให้โครงของล้อยางเสียหาย ส่งผลให้ลมจากล้อยางรั่วซึมผ่านชั้นเนื้อยาง แทรกอยู่ตามโครงของยางจนผิวยางบวม นูน ซึ่งถือว่าอันตรายมากเพราะเสี่ยงทำให้เกิดยางระเบิดระหว่างขับขี่ หากพบว่ายางมีอาการบวมต้องรีบเปลี่ยนยางทันที
3. ทำให้ลูกปืนล้อแตก
การขับรถบนเส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อส่งผลต่อช่วงล่างรถหลายระบบรวมถึงทำให้ลูกปืนแตกได้ด้วย หากพบว่าระหว่างขับขี่รถมีเสียงดังคล้ายเสียงหอน นั่นคือสัญญาณเตือนแรก หากยังขับต่อไปก็อาจเสี่ยงแกนเพลาล้อไหม้ได้
4. เกิดความเสียหายกับตัวถัง
หากขับรถตกหลุมแรง ๆ หรือหลุมลึก นอกจากช่วงล่างรถจะเสียหายแล้วก็อาจเกิดความเสียหายกับตัวถังได้เช่นกัน เช่น ทำให้ตัวถังของรถบุบ สีถลอก เป็นต้น
5. โช้คอัพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
การขับรถตกหลุมไม่ได้ทำให้โช้คอัพเสียในทันที แต่จะเป็นอาการสะสม ทำให้โช้คเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ยางรองหัวโช้คแตก ก้านโช้คอัพคด งอ เพราะโช้คอัพคืออุปกรณ์ทีช่วยดูดซับและรองรับแรงกระแทกของตัวรถ
6. คันชักพวงมาลัยหลวม
หลายคนอาจไม่รู้ว่าการขับรถในเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อจนตกหลุมบ่อย ๆ นั้นนอกจากช่วงล่างรถแล้ว อีกหนึ่งส่วนที่เสี่ยงชำรุดคือคันชักพวงมาลัย สามารถสังเกตได้จากเสียงดังกุก ๆ กัก ๆ หากพบว่ามีเสียงดังกล่าวควรรีบเปลี่ยนคันชักพวงมาลัยทันที
การขับรถตกหลุมส่งผลต่อช่วงล่างรถอย่างมาก หากตกหลุมแรง ๆ อาจทำให้ระบบหรืออุปกรณ์บางอย่างพังเสียหายทันที หรือหากเป็นอาการสะสม ก็ทำให้ระบบต่าง ๆ เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทางที่ดีควรเลี่ยงเส้นทางที่มีหลุมบ่อ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ขับเร็ว


ที่สำคัญต้องหมั่นนำรถไปตรวจเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอด้วย และการทำประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถแจ้งบริษัทที่ทำประกันภัยไว้ได่ และ หากกำลังมองหาประกันรถยนต์อย่างครบวงจร*  สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://toyotainsurancebroker.com/index.php


หมายเหตุ - *รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด บริษัท โตโยต้า อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัยในเครือโตโยต้า ลีสซิ่ง


อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/news/knowledge


 

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ