เกร็ดความรู้
12 มีนาคม 2565
เคลมประกันแบบไหน ทำไมต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก
สำหรับคนใช้รถคงน่าจะเคยได้ยินเรื่อง “ค่าเสียหายส่วนแรก” กันมาบ้างสำหรับผู้ทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกหรือค่า Excess นี้ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว เพราะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท และเงื่อนไขการจ่ายก็ยังแตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังนั้นคนใช้รถจึงต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าค่าเสียหายส่วนแรกทำไมต้องจ่าย และต้องจ่ายในกรณีเคลมแบบไหนบ้าง
ประเภทของค่าเสียหายส่วนแรก
1. ค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจ (Deductible) คือ จำนวนเงินที่ระบุชัดเจนว่าผู้ขับขี่ต้องชำระหากมีการเคลมประกันเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1,000 – 5,000 บาท ยิ่งเลือกชำระค่าเสียหายส่วนแรกสูงเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลง อย่างไรก็ตามหากต้องการเคลมประกันเมื่อไร ก็ต้องดำเนินการชำระค่าเสียหายส่วนแรกตามที่ตกลงไว้ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการซ่อมรถและเคลมประกันได้
2. ค่าเสียหายส่วนแรก ( Excess) คือ จำนวนเงินที่ต้องชำระเพิ่มเมื่อเคลมประกันชั้น 1 หรือเคลมประกันที่คุ้มครองเต็มจำนวนแต่ไม่มีคู่กรณี เช่น กรณีรถเกิดรอยขีดข่วน ชนเสาไฟฟ้า ต้นไม้ล้มทับ เป็นต้น ซึ่งค่า Excess ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1,000 บาท
ตัวอย่างกรณีอุบัติเหตุที่ต้องชำระค่า Excess ที่สามารถเห็นได้บ่อย ๆ คือ ยางระเบิดเพราะตะปู เศษแก้ว หรือสิ่งมีคมอื่น ๆ, ต้นไม้หรือเสาไฟฟ้าล้มทับรถยนต์, รอยขีดข่วนบนตัวถังที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ, การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถตกท่อระบายน้ำ ก็เข้ากรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีได้เช่นกัน
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจนั้นเป็นข้อตกลงที่ผู้ทำประกันยอมจ่ายเพื่อความประหยัด เพราะยิ่งจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกสูงก็ยิ่งจ่ายเบี้ยประกันถูกลง หากขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ก็ถือว่าคุ้มค่า ช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี
ส่วนค่า Excess นั้นเป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่จำเป็นต้องจ่ายอยู่แล้วหากต้องการเคลมเงินประกันเต็มจำนวนหรือเมื่อเกิดกรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีและระบุคู่กรณีไม่ได้ แม้จะต้องเสียเงินก็ถือว่าช่วยผ่อนหนักเป็นเบาและลดภาระรายจ่ายได้บ้าง
สำหรับอัตราค่าเสียหายส่วนแรกของบริษัทประกันแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันออกไป รวมถึงเงื่อนไขการจ่าย การเคลม และข้อกำหนดเรื่องการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจรวมถึงค่า Excess ดังนั้นก่อนทำประกันภัยรถยนต์สักฉบับจึงต้องศึกษารายละเอียดความคุ้มครองให้ดี นอกจากนี้ต้องไม่ลืมสอบถามเรื่องค่าเสียหายส่วนแรกจากบริษัทประกันให้เข้าใจ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ต้องไม่ลืมด้วยว่าในการขับรถนั้นต้องมีสติ ไม่ประมาท และขับรถอย่างระมัดระวังทุกครั้ง เพราะไม่ว่าอย่างไรการไม่เกิดอุบัติเหตุเลยย่อมดีกว่า
นอกจากต้องรอบรู้เรื่องการเคลมประกัน ก็ควรเลือกทำประกันภัยให้เหมาะกับผู้ขับขี่ด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุดเมื่อถึงคราวต้องเคลมประกัน และหากกำลังมองหาประกันรถยนต์อย่างครบวงจร* สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://toyotainsurancebroker.com/index.php
หมายเหตุ - *รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด บริษัท โตโยต้า อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัยในเครือโตโยต้า ลีสซิ่ง
อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/news/knowledge
ข่าวแนะนำ
© 2018 สงวนสิทธิ์โดย บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด