เกร็ดความรู้

4 กันยายน 2564

ยางรั่ว เลือกปะยางแบบไหนดีต่อรถมากที่สุด 

ยางรั่ว เลือกปะยางแบบไหนดีต่อรถมากที่สุด


เรื่องไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอกับผู้ที่ใช้รถ และปัญหาที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ต่างเจอบ่อย ๆ นั่นคือ ยางรั่ว ยางระเบิด ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งยางเก่าและยางใหม่ ส่วนในกรณีที่เกิดยางรั่วกับรถของเรานั้น ควรเลือกปะยางแบบไหนจึงจะดีต่อรถมากที่สุด วันนี้ เกร็ดความรู้โดยโตโยต้า ลีสซิ่ง มีข้อมูลมาฝากกัน


การเกิดยางรั่วนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการขับขี่บนพื้นผิวสัมผัสของถนนมีความแหลมคม เช่น เจอตะปู เศษหิน, การเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ที่มีการใช้งานมายาวนาน หรือการบรรทุกของหนักจนเกินไป ซึ่งหากเกิดรถยางรั่ว อย่างแรกที่ต้องดูคือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับยางว่าเสียหายบริเวณใด


หากเกิดที่บริเวณแก้มยางหรือไหล่ยาง แนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่มากกว่า เพราะแก้มยางเป็นส่วนมีความยืดหยุ่นตลอดเวลา แต่หากยางรั่วในตำแหน่งอื่นและไม่ได้มีความเสียหายมากนักก็ยังสามารถปะยางเพื่อซ่อมแซมได้ ซึ่งการปะยางคือช่างจะซ่อมแซมยางรถยนต์ที่มีรอยรั่วให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ  ซึ่งการปะยางแบ่งได้ทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ 
การปะยางแบบสตีมเย็น


เป็นการซ่อมแซมยางรถที่เหมาะกับรถขนาดเล็ก ด้วยการนำแผ่นยางดิบมาปิดทับบริเวณที่เป็นรอยรั่วและประสานด้วยกาว  เมื่อแห้งสนิทก็สามารถนำยางมาใช้งานได้ ซึ่งการปะยางประเภทนี้ราคาไม่แพง และยางรถยนต์ไม่เสียทรงจากความร้อน แต่ต้องระวังเรื่องการบรรทุกของหนักเป็นพิเศษ


การปะยางแบบสตีมร้อน 
เป็นการซ่อมแซมยางรั่วด้วยการ ใช้ยางดิบหลอมด้วยความร้อนและประกบกับรอยรั่วจุดต่าง ๆ ที่มีความเสียหาย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องสตีมที่ใช้ความร้อนในการละลายยางดิบให้ผสานเข้ากับยางรถยนต์ที่เป็นแผลรั่วอยู่ ซึ่งเป็นวิธีการปะยางรถยนต์ที่ปิดรอยรั่วได้สนิทที่สุด ทำให้สามารถใช้งานยางเส้นดังกล่าวได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนยางใหม่ แต่การใช้ความร้อมจากเครื่องสตีม ก็อาจจะส่งผลต่อโครงสร้างของยางที่อาจจะเสียรูปทรงได้เช่นกัน


การปะยางแบบแทงไหม 
บางครั้งช่างอาจจะเรียกการปะยางแบบนี้ว่า “แทงตัวหนอน” ซึ่งเหมาะสำหรับรถที่ยางรั่วจากวัตถุแหลมคมขนาดเล็ก เช่น ตะปูที่ฝังอยู่ในเนื้อยาง เป็นต้น  โดยช่างจะทำการดึงตะปูออกจากยางรถยนต์แล้วใช้ตะไบหางหนูแทงกลับเข้าไปเพื่อทำความสะอาดแผลรอยรั่ว จากนั้นจะแทงไหมที่มีใยสังเคราะห์ยางดิบและกาวเป็นส่วนประกอบ ลงไปในจุดที่เป็นรอยรั่วเพื่อปิดแผล ซึ่งการปะยางวิธีนี้ราคาไม่แพง และทำได้เสร็จรวดเร็ว เพราะไม่ต้องถอดตัวยางออกมาจากล้อนั่นเอง แต่ยางจะมีอัตราการทนความร้อนได้ต่ำ และอาจรั่วหรือมีรอยซึมบริเวณที่ปะได้


เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการปะยางที่เรานำมาข้อมูลมาฝากกัน แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรหมั่นสังเกตยางรถอยู่เสมอ เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ยางรั่วซึมกลางทางจนอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ หรืออย่างน้อยก็ควรจะมีประกันภัยรถยนต์เพื่อความอุ่นใจ เพราะมักจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับผู้เอาประกันด้วย และหากสนใจประกันรถยนต์อย่างครบวงจร*  สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://toyotainsurancebroker.com/index.php


หมายเหตุ - *รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด บริษัท โตโยต้า อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัยในเครือโตโยต้า ลีสซิ่ง
 
 

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ