เกร็ดความรู้
24 ธันวาคม 2567
รู้หรือไม่? ใช้รถผิดประเภท ต้องเสียค่าปรับเท่าไร
เมื่อพูดถึงการขับรถ หลายคนอาจคิดว่าแค่มีใบขับขี่ และขับตามกฎจราจรเท่านั้นก็เพียงพอ แต่จริง ๆ แล้วยังมีข้อควรระวังอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะการใช้รถผิดประเภท ที่หากไม่ปฏิบัติตาม อาจต้องเผชิญกับค่าปรับและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา โตโยต้า ลีสซิ่ง จะพามาดูกันว่าการใช้รถผิดประเภทหมายถึงอะไร ข้อกฎหมายจราจรเกี่ยวกับการใช้รถผิดประเภท รวมถึงมีค่าปรับอย่างไรบ้าง
การใช้รถผิดประเภทคืออะไร?
การใช้รถผิดประเภทหมายถึง การนำรถไปใช้ในลักษณะที่ไม่ตรงกับประเภทที่ได้รับอนุญาต เช่น การใช้รถส่วนบุคคลมารับส่งผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ หรือการใช้รถบรรทุกหนักเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด หากขับรถเกินขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต ก็ถือว่าใช้รถผิดประเภททันที
ข้อกฎหมายจราจรเกี่ยวกับการใช้รถผิดประเภท
ตามกฎหมายจราจรของประเทศไทย รถแต่ละประเภท จะถูกจัดให้มีใบอนุญาตใช้งานเฉพาะเจาะจง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถบรรทุก, หรือรถโดยสารสาธารณะ แต่ละประเภทมีการจำกัดการใช้งานและหน้าที่ที่ต่างกัน หากมีการใช้งานรถไม่ตรงกับประเภทที่ได้รับอนุญาต จะถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และสามารถถูกลงโทษตามกฎหมายจราจรได้
ค่าปรับสำหรับการใช้รถผิดประเภท
เมื่อพูดถึงค่าปรับสำหรับการใช้รถผิดประเภท หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงค่าปรับเล็กน้อย ซึ่งความจริงแล้วก็นับว่าเป็นจำนวนเงินที่พอสมควรทีเดียว โดยการใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ หรือการนำรถส่วนบุคคลมาใช้รับจ้างขนส่งผู้โดยสาร มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 21 ประกอบมาตรา 60 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้ถ้าถูกจับซ้ำซาก หรือเป็นการกระทำผิด ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้ถนนอื่น ๆ ค่าปรับอาจสูงขึ้นได้อีกด้วย
ความเสี่ยงจากการใช้รถผิดประเภท
นอกจากค่าปรับแล้ว การใช้รถผิดประเภทอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การสูญเสียความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ใช้ถนนอื่น ๆ และทำให้รถเสียหายเร็วกว่าที่ควร เช่น การใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อขนสินค้าหนัก ๆ จะทำให้รถเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาในระยะยาว อีกหนึ่งความเสี่ยงที่ควรระวังคือ การไม่มีประกันภัยที่ครอบคลุมการใช้งานที่ผิดประเภท หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากการใช้รถผิดประเภทนั่นเอง
การใช้รถผิดประเภทไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงจะต้องเสียค่าปรับสูงตามกฎหมายจราจร แต่ยังเสี่ยงต่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นอีกด้วย ดังนั้นก่อนที่จะนำรถไปใช้งาน ในลักษณะที่ต่างไปจากเดิม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้รับอนุญาตให้ทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพราะหากถูกตรวจจับได้ อาจต้องเผชิญกับค่าปรับและปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิด
อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/knowledge
ข่าวแนะนำ