เกร็ดความรู้

26 พฤษภาคม 2567

วิธีแจ้งเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน ขอความช่วยเหลืออย่างถูกวิธี

วิธีแจ้งเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน ขอความช่วยเหลืออย่างถูกวิธี


การใช้รถใช้ถนนนั้นหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ยาก ดังนั้นต้องพร้อมรับมือเสมอ โดยเวลาเจอเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน อันดับแรกจะต้องตั้งสติ เพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า และสิ่งสำคัญคือต้องรู้วิธีแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลืออย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เพื่อให้ผู้ประสบเหตุบนถนนปลอดภัยและได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็วที่สุด โตโยต้า ลีสซิ่ง จะมาแนะนำเคล็ดลับ ในการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ไว้ 
1. สังเกตสถานการณ์และประเมินความเสี่ยง
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ก่อนอื่นเลย ต้องสังเกตสถานการณ์ให้ดี อย่าตื่นตระหนก ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อยและไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส อาจไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก แต่ถ้าเห็นว่าเหตุการณ์รุนแรงหรือมีคนบาดเจ็บ จะต้องเร่งดำเนินการทันที อย่าลืมเช็กตัวเองและผู้โดยสารที่อยู่ด้วยว่าปลอดภัยหรือไม่
2. ใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินและตั้งสัญญาณเตือน
หากแน่ใจแล้วว่าอยู่ในสถานการณ์เหตุฉุกเฉิน ให้รีบเปิดไฟฉุกเฉินของรถ และถ้ามีป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง ควรวางไว้ด้านหลังรถ เพื่อเตือนรถคันอื่น ๆ ว่ามีอุบัติเหตุ นอกจากนี้ หากมีไฟฉายหรืออุปกรณ์สะท้อนแสงก็ควรใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
3. โทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน
เมื่อสถานการณ์ถือว่าร้ายแรง ให้รีบโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินไปที่เบอร์ 191 หรือ 1669 อย่าลืมบอกที่อยู่หรือจุดสังเกตใกล้เคียงอย่างชัดเจน เพื่อให้ทีมกู้ชีพหรือตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน คุณควรให้ข้อมูลที่สำคัญอื่น ๆ เช่น จำนวนผู้บาดเจ็บ อาการของผู้ประสบอุบัติเหตุ หรือสภาพรถที่เกิดเหตุให้ชัดเจน
เบอร์ฉุกเฉินหลัก ๆ ที่ควรทราบไว้มีดังนี้
•    191 แจ้งเหตุด่วน
•    1669 แจ้งหน่วยกู้ภัย 
•    1543 แจ้งอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉินบนทางด่วน
•    1586 แจ้งสายด่วนกรมทางหลวง
•    1728 แจ้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินทางหลวง 
•    1146 แจ้งตำรวจกรมทางหลวงชนบท
•    1155 แจ้งตำรวจท่องเที่ยว
•    1186 แจ้งสายด่วนประกันภัยตลอด 24 ชั่วโมง
•    1193 แจ้งตำรวจทางหลวง
•    1197 แจ้งสายด่วนจราจร ตลอด 24 ชั่วโมง
4. ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
 หากพอมีความรู้เรื่องการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้บาดเจ็บ และอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ควรช่วยให้คนบาดเจ็บอยู่ในท่าที่สบายที่สุด แต่ห้ามเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ เพราะอาจกระทบกระเทือน เว้นแต่จะมีอันตรายถึงชีวิต เช่น รถอาจจะไฟไหม้
5. จดข้อมูลและรวบรวมหลักฐาน
ในขณะที่รอการช่วยเหลือ ควรจดบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ทั้งเวลา สถานที่ และรายละเอียดของอุบัติเหตุ เก็บภาพถ่ายด้วยถ้าเป็นไปได้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเคลมประกัน หรือใช้ในการสืบสวนสาเหตุต่อไป
การรู้จักวิธีแจ้งเหตุฉุกเฉินอย่างถูกต้องและการขอความช่วยเหลือที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประสบเหตุฉุกเฉินและผู้อื่นบนท้องถนนปลอดภัย ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ดังนั้นอย่าลืมเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะความรู้เบื้องต้น หรืออุปกรณ์สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ และหมั่นฝึกฝนการช่วยเหลือ เพื่อจะสามารถจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ


อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/knowledge


 

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ