เกร็ดความรู้
7 กรกฎาคม 2564
ฟิล์มติดรถยนต์ เลือกแบบไหนเหมาะกับเมืองไทย
ด้วยความที่เมืองไทยเป็นประเทศที่แดดร้อนแรงตลอดทั้งปี เวลาจอดรถกลางแจ้งอากาศข้างในรถจึงร้อนไม่ต่างอะไรจากเตาอบ สิ่งที่จะช่วยป้องกันรถยนต์ของเราจากแสงแดด และทำให้เรารู้สึกเย็นมากขึ้นแม้ว่าต้องจอดรถกลางแดดก็คือฟิล์มติดรถยนต์นั่นเอง
การเลือกฟิล์มติดรถยนต์ให้เหมาะกับสภาพอากาศและการใช้งานในบ้านเรา ต้องรู้จักเสียก่อนว่าฟิล์มกรองแสงติดรถแบ่งประเภทกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เลือกให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของรถ โดยฟิล์มกรองแสงที่ใช้งานในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ประกอบไปด้วย
ฟิล์มกรองแสงที่ไม่มีสารป้องกันรังสี UV เป็นฟิล์มกรองแสงราคาถูก เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสี UV จากแสงแดด ดังนั้นจึงทำได้เพียงกรองแสงจากดวงอาทิตย์ให้มีความอ่อนลงเท่านั้น ทำให้มันไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากสามารถป้องกันความร้อนได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 3-5 ปี
ฟิล์มกรองแสงที่มีสารป้องกันรังสี UV เป็นฟิล์มที่มีการผสมผสานวัสดุคุณสมบัติพิเศษเข้าไปทำให้สามารถป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจำแนกประเภทได้ดังนี้
• ฟิล์มลดความร้อน ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มปรอท ซึ่งฟิล์มกลุ่มนี้จะสามารถลดความร้อนได้ตั้งแต่ 35 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และกันรังสี UV ได้พอสมควร
• ฟิล์มอินฟาเรด ช่วยตัดรังสีอินฟราเรดจากแสงแดดได้ จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด เพราะสามารถป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด และสะท้อนรังสี UV ได้ ทำให้ราคาค่อนข้างสูง
• ฟิล์มนิรภัย ฟิล์มชนิดนี้จะมีความหนาเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 4 มม.ขึ้นไป ทำให้สามารถยึดเกาะกับแผ่นกระจกได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะถูกกระแทกก็ตาม
• ฟิล์มใสนาโน เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกันได้ทั้งความร้อนและรังสี UV อีกทั้งเนื้อฟิล์มใส จึงไม่บดบังวิสัยทัศน์การขับรถ และมีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 10 ปีเลยทีเดียว
เลือกฟิล์มติดรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งาน
ฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสำหรับการใช้งานในประเทศไทยมากที่สุด คือฟิล์มกรองแสงที่มีสามารถลดรังสี UV รังสีอินฟราเรดได้ ซึ่งช่วยให้ห้องโดยสารไม่ร้อนจนเกินไปเมื่อต้องจอดรถไว้กลางแจ้ง โดยการเลือกฟิล์มติดรถนั้นจะมีเปอร์เซ็นต์ของฟิล์มระบุไว้ ตั้งแต่ 5-100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายถึงระดับความเข้มของฟิล์มที่ให้แสงส่องผ่านเข้ามาได้ โดยประเทศไทย มีกฎหมายระบุไว้ว่าอนุญาตให้ใช้ฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์สำหรับกระจกหน้า และไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์สำหรับกระจกบานอื่น เพื่อจะได้ไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับรถ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน
ข่าวแนะนำ
© 2018 สงวนสิทธิ์โดย บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด