เกร็ดความรู้

8 กันยายน 2568

เคล็ดลับดูแลรถให้มีกลิ่นหอม ใครนั่งก็ประทับใจ

เคล็ดลับดูแลรถให้มีกลิ่นหอม ใครนั่งก็ประทับใจ


รถยนต์ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของใครหลายคน การดูแลรถให้สะอาดและมีกลิ่นหอม จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้นั่งสบายใจ ผ่อนคลาย แถมยังสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารได้อีกด้วย วันนี้โตโยต้า ลีสซิ่ง เคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลรถให้มีกลิ่นหอมสดชื่น รับรองว่าทำตามได้ง่าย ใครนั่งก็ประทับใจแน่นอน
ทำไมต้องให้ความสำคัญกับกลิ่นหอมในรถ?
กลิ่นหอมในรถ ไม่เพียงแต่สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและน่ารื่นรมย์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความสดชื่นระหว่างการขับขี่ และที่สำคัญยังสร้างความประทับใจแรกพบที่ดีให้กับผู้โดยสาร  เพราะไม่ว่าใครก็ชอบนั่งรถหอมๆ มากกว่ารถที่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์แน่นอน
เคล็ดลับดูแลรถให้หอม สดชื่นตลอดเวลา
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วย ดับกลิ่นรถ และทำให้รถหอม อยู่เสมอ
•    กำจัดแหล่งที่มาของกลิ่น ก่อนอื่นต้องหาต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น เศษอาหาร ขยะ เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว รองเท้า ฯลฯ นำสิ่งเหล่านี้ออกจากรถให้หมด แล้วทำความสะอาดบริเวณที่วางสิ่งของเหล่านั้น
•    ทำความสะอาดเบาะรถยนต์ เบาะรถยนต์เป็นแหล่งสะสมฝุ่นและกลิ่นอับได้ง่าย ควรทำความสะอาดเบาะเป็นประจำ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดฝุ่นออกให้หมด หรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด สำหรับเบาะหนัง ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังโดยเฉพาะ
•    ทำความสะอาดพรมรถยนต์ พรมรถยนต์ก็เป็นอีกจุดที่เก็บกักฝุ่นและกลิ่น ควรนำพรมออกมาซักและตากแดดให้แห้ง อย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดเป็นประจำ
•    ระบายอากาศ ควรเปิดหน้าต่างรถระบายอากาศเป็นประจำ เพื่อลดความอับชื้นและกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะหลังจากจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน
•    ใช้น้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ เลือกน้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ที่ชอบ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เช่น แบบสเปรย์ แบบเจล แบบแขวน หรือแบบวาง ควรเลือกกลิ่นที่ไม่ฉุนเกินไป ไม่มีสารที่เป็นอันตราย และเปลี่ยนน้ำหอมเมื่อกลิ่นเริ่มจางลง 

•    ใช้ถุงหอมปรับอากาศ ถุงหอมปรับอากาศทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ดอกไม้แห้ง สมุนไพร หรือกาแฟ ช่วยดูดซับกลิ่นอับและสร้างกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ แถมยังเป็นการตกแต่งภายในรถให้น่ารักได้อีกด้วย
•    ใช้เบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาเป็นตัวช่วยดับกลิ่นอับได้ดี โรยเบกกิ้งโซดาลงบนเบาะและพรม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่นอับและทำให้รถหอมสดชื่นขึ้น
•    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในรถ ควันบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับในรถ และยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในรถ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองและผู้โดยสาร
•    ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ ควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศรถยนต์ อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อกำจัดฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับ
กลิ่นหอมในรถ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสร้างทั้งความประทับใจและภาพลักษณ์ที่ดี ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่ารถจะมีกลิ่นหอมสดชื่น ใครนั่งก็ประทับใจ นอกจากเคล็ดลับที่แนะนำนี้ หากต้องการใช้น้ำหอมในรถยนต์แบรนด์แท้จากฝรั่งเศสสามารถเลือกดูได้ที่ https://www.shopsabuy-th.com/category?merchantLinkName=MAISONBERGERPARIS&subCateId=d71b186f-b783-4c70-904e-13112cab5134


อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/knowledge

กลับสู่หน้าหลัก

ข่าวแนะนำ